Tag Archives: ไฟฉาย

ไฟฉาย

ไฟฉาย

ไฟฉาย

วันนี้มาคุยกันเรื่อง ไฟฉาย ดีกว่า สำหรับผมถือว่า ไฟฉาย เป็นหนึ่งในอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการเดินทาง
หน้าที่หลักของไฟฉายคือให้แสงสว่าง แน่นอนว่าถ้าคุณเข้าไปพักตามโรงแรม หรือ เกสเฮ้าส์ในตัวเมือง
มันก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้งานไฟฉายสักเท่าไหร่ ยกเว้นว่ามันเกิดเหตุสุดวิสัยเช่น ไฟไหม้ ไฟดับ ฟ้าผ่า
อะไรพวกนี้ถึงจะมีโอกาสได้ใช้ กลับกันถ้าคุณไปเที่ยวตามต่างจังหวัด พักตามรีสอร์ท หรือ ไปนอนตาม
อุทยานแห่งชาติรับรองว่าคุณต้องได้ใช้แน่ๆ อย่าลืมนะครับอุทยานแห่งชาติไม่ได้เปิดไฟตลอดทั้งคืนนะ
ลองคิดดูถ้าคุณไปนอนเต็นท์กลางป่าตอนดึกจะลุกไปเข้าห้องน้ำถ้าไม่มีไฟฉายจะไปได้ยังไงจริงไหม

ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีของไฟฉายก็พัฒนาไปมากแล้ว สมัยก่อนเป็นหลอดไส้ทังสเตนใช้ถ่าน AA ก้อนเดียว
เปิดได้ไม่ถึงชั่วโมงไฟก็หมดแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เป็นหลอด LED สมัยใหม่ ใส่ถ่านก้อนเดียวแต่เปิดได้ 2 – 3
ชั่วโมงสบายๆ แถมไม่ต้องกลัวไส้หลอดขาดด้วย ที่สำคัญมีให้เลือกถึงขนาดว่าจะเอาแสงขาว แสงเหลือง
หรือ แสงอมฟ้าด้วยนะ บางรุ่นใช้ถ่านชาร์ต AA ก็ได้ หรือ จะไปใช้แบตคุณภาพสูงแบบแบตลิเทียมจำพวก
ถ่านแบบ CR2 ก็ได้ แบตก้อนเดียวแต่เปิดได้ทั้งคืนเลย ไฟฉายสมัยนี้ไว้ใจได้มากกว่าสมัยก่อนเยอะมาก
ยิ่งเรื่องความสว่างยิ่งหายห่วง ไฟฉายสมัยก่อนความสว่าง 100 – 200 ลูเมนก็ว่าเยอะแล้ว แต่สมัยนี้ความ
สว่างระดับนี้ถือว่าเป็นเรื่องมาตรฐานปรกติธรรมดามาก ไฟฉายเดี๋ยวนี้เห็นตัวเล็กๆแต่สามารถสว่างระดับ
600 – 800 ลูเมนได้แบบสบายเลย ยิ่งพวกตัว Top สว่างระดับ 2 – 3 พันลูเมน นี่วางขายเกลื่อนตลาดเลย
อีกเรื่องที่สำคัญคือความทนทาน เชื่อไหมว่าไฟฉายสมัยนี้ทนทานมากกว่าสมัยก่อนแบบเทียบไม่ติดเลย
ตัวผมเองใช้ไฟฉายจีนตัวละ 300 กว่าบาท ยี่ห้อ UltraFire ใช้มาตั้งแต่ต้นปี 2554 จนปัจจุบันปี 2558
ใช้มา 5 ปีแล้วมันก็ยังไม่พังซักที ในขณะที่แม่ผมใช้ไฟฉายแบบเก่าเป็นพลาสติคที่ซื้อพร้อมกับผม ใช้ไป
ได้ไม่นานปีกว่าๆก็พังต้องเอาของผมไปใช้ ถึงไฟฉายรุ่นใหม่อาจจะแพงกว่ารุ่นเก่าอยู่พอสมควร แต่อย่า
ลืมว่าข้อดีของมันที่มีเยอะมากกว่าไฟฉายรุ่นเก่ามาก เปรียบเทียบกันแล้วรุ่นใหม่คุ้มกว่าเยอะครับ

ผาหล่มสัก ตอนที่ 3

ผาหล่มสัก ตอนที่ 3 (สุดท้าย ท้ายสุด)

ผาหล่มสัก

หลังจากดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็คงถึงเวลาที่จะต้องเดินกลับที่พักกันแล้วนะ
เส้นทางที่ใช้เดินกลับไปที่พักที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวนั้น มีแค่ทางเดียวครับ คือทางเดินเลียบหน้าผา
ผ่านทาง ผาแดง ผานาน้อย ผาหมากดูก เพราะเจ้าหน้าที่อุทยานไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าป่า
รวมถึงเส้นทางสายน้ำตกหลังเวลาบ่ายสามครับ เพราะงั้นไม่มีทางเลือกสำหรับคนที่ต้องเดินกลับที่พัก
การเดินกลับมาที่พักที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวนั้น ต่างจากการเดินมาที่ผาหล่มสักอย่างมาก ไม่ใช่ว่า
ระยะทางมันไกลกว่าหรือลำบากกว่านะ แต่ผมให้คุณนึกถึงตอนที่คุณไปผานกแอ่นตอนเช้ามืดนั้นแหละ
พอหลังจากพระอาทิตย์ตกแล้วความเย็นก็เข้ามาแทนที่ เดินผ่านหน้าผาแล้วก็มีลมเย็นๆพัดตลอดเวลา
ใครจะเดินไปผาหล่มสักก็อย่าลืมเอาเสื้อหนาวติดมือมาด้วยนะครับ เพราะตอนที่คุณไปผาหล่มสักช่วง
เวลา 9 – 10 โมงมันอาจจะไม่หนาว แต่ขากลับช่วงค่ำอากาศหนาวแน่นอน เอาไปเผื่อต้องใช้ติดกระเป๋า
ไว้เลยครับ ได้ใช้งานแน่นอน

ไฟฉาย

ของที่สำคัญอีกอย่างที่ต้องมีติดตัวไว้สำหรับการไปผาหล่มสักก็คือไฟฉายครับ คุณฟังไม่ผิดครับ ไฟฉาย
ที่บอกว่าเป็นของสำคัญก็เพราะว่ามันจำเป็นต้องใช้ครับ ผมถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยถ้าคุณจะ
ไปที่ผาหล่มสัก อย่าลืมว่าที่ภูกระดึงนั้นไม่มีไฟตามทางให้เราเดินสบายแบบในเมืองนะครับ หลังจากที่
พระอาทิตย์ตกแล้วแสงสว่างก็หายไปด้วย การเดินระยะทางไกล และ มืดตลอดทางนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะ
ไม่ใช้ไฟฉาย ช่วงแรกของการเดินกลับ เส้นทางริมหน้าผาอาจจะมีแสงเหลืออยู่ คุณอาจจะยังไม่ต้องใช้
ไฟฉายในช่วงแรก อาศัยเดินเกาะกลุ่มกับคนอื่นมาได้ แต่ซักพักเมื่อความมืดเข้าครอบงำท้ายสุดก็ต้อง
ใช้ไฟฉายอยู่ดีครับ อีกสิ่งที่ผมอยากแนะนำก็คือให้เลือกไฟฉายที่ดีเปิดใช้งานได้นานครับ ประเภทเปิด
ได้ไม่นาน 10 – 20 นาทีก็ถ่านหมดซะแล้ว อย่าเอามาใช้เลยครับ อย่างน้อยต้องเปิดใช้งานได้นานซัก
45 นาที ถึงจะโอเค หรือ คุณจะซื้อถ่านสำรองพกติดตัวไว้ก็ได้ครับ พยายามเลือกใช้ไฟฉายที่ใช้ถ่าน
AA หรือถ่านอัลคาไลน์ทั่วไปที่หาได้ง่ายจะดีกว่า ไม่ต้องเน้นสว่างอย่างบ้าคลั่ง 3 – 400 ลูเมนหรอกครับ
เอาซัก 40 – 50 ลูเมนก็เหลือเฟือแล้ว แต่ที่ไม่แนะนำเลยก็คือไฟฉายจากพวกมือถือครับเพราะมันสว่าง
ไม่พอสำหรับการใช้งานอย่างจริงจัง มันอาจจะใช้งานได้ดีสำหรับภายในเต็นท์ที่พัก แต่สำหรับการส่อง
สว่างระหว่างการเดินทางแล้วผมถือว่ามันสอบตกครับ

ร้านค้าบนภูกระดึง

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการไปดูพระอาทิตย์ตกอีกอย่างก็คือ ช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม พระอาทิตย์จะ
ตกก่อนเวลา 6 โมงครับ ประมาณ 5 โมง 50 นาที ก็ตกแล้ว แต่ช่วงหลังปีใหม่ไปแล้วจะตกหลังจาก
6 โมงไปแล้ว และจะไปตกช้าสุดก็ประมาณ 6 โมง 40 นาที ในช่วงเดือนพฤษภาคมครับ จะเห็นว่าระยะ
ห่างกันเกือบ 1 ชั่วโมงเลยนะ แต่อย่าลืมครับว่าสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ร้านอาหารและร้านค้าบนภูกระดึง
จะถูกปิดไฟเวลา 3 ทุ่ม นั้นก็คือเมื่อคุณเดินกลับมาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะเหลือเวลาอย่างมากไม่
ถึง 2 ชั่วโมง ในการอาบน้ำแล้วก็หาอะไรกิน ถ้าคุณมาช่วงก่อนปีใหม่เวลาก็จะเหลือเยอะหน่อย อาจจะ
2 ชั่วโมง แต่ถ้าคุณมาช่วงหลังปีใหม่ไปแล้ว กุมภาพันธ์ – มีนาคม จะเหลือเวลาหลังจากเดินกลับไม่เยอะ
อาจจะไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำไป เพราะตอนผมไปช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากดูพระอาทิตย์ตกเสร็จ
เดินกลับแบบชิวไปหน่อยไม่รีบไม่เร่ง มาถึงที่วังกวางก็ 2 ทุ่มกว่าแล้ว แทบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย
รีบอาบน้ำแล้วก็หาข้าวกิน เพราะงั้นใครที่จะไปผาหล่มสักอย่าลืมคำนวนเวลาในการเดินเผื่อไว้ด้วยนะครับ